วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Start R 2 & Alphabet - Character

สวัสดีค่ะมาต่อจากบล็อคที่แล้ว ที่เกี่ยวกับตัวเลขกันเถอะ >< วันนี้จะมาด้วยหัวข้อเรื่องการใช้ข้อความในRค่ะ ว่าแล้วก็เปิด R Studio รอกันได้เล๊ยย !

สำหรับภาษา Rนั้นจะแตกต่างจากพวก javaตรงที่ไม่ต้องมีการประกาศตัวแปลก็ได้ แต่ยังคงต้องมีตัวฟันหนู ("") สำหรับการใช้หุ้มข้อความอยู่ดีซึ่งการใช้นี้โปรแกรมเมอร์จะเรียกว่า String ก่อนอื่นจะให้เห็นความแตกต่างก่อนนะคะด้วยการพิม a , "a"  และ Hello , "Hello"














เห็นได้ว่าแค่มีและไม่มีฟันหนู("")ไม่ว่าจะเป็นเพียงอักษรตัวเดียว หรือเป็นคำก็ส่งผลแล้วใช่มั้นคะ เพราะฉะนั้นข้อแรกที่ต้องจำเลยคือ อย่าลืมใช้ฟันหนู("")ในประเภท String

คราวนี้ลองรวมความรู้ที่ได้จากคราวที่แล้วและครั้งนี้เข้ากันดูนะคะ..  ตัวแปรในคราวที่แล้วนั้นจะรับค่าเป็นตัวเลขคราวนี้ลองเปลี่ยนค่านั้นเป็นตัวหนังสือกันค่ะ เช่น ให้ค่าของ x คือ Hello จะได้เป็น





ซึ่งไม่เกิดการErrorใดๆ แสดงว่าเราสามารถให้ค่าตัวแปรเป็นตัวเลขหรือตัวหนังสือก็ได้ เพราะงั้นในเมื่อตอนนี้เราให้ค่า x คือ Helloแล้ว ถ้าลองพิมพ์ x ที่consoleดูหล่ะ



ก็จะแสดงผลเป็น "Hello" เพราะก่อนหน้านี้ที่เรากำหนดค่าไว้ แล้วถ้าอยากแสดงข้อความนี้ซ้ำกันหลายๆครั้งหล่ะ ทำยังไง ให้ใช้ rep ตามด้วยวงเล็บ() ค่ะ




ซึ่งถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเลขก็ใช้เหมือนกันนะคะ




ต่อมาเราจะให้ตัวแปรหนึ่งตัวเก็บค่าได้มากกว่าหนึ่งค่า ก็จะคล้ายกับแบบตัวเลขเลยค่ะ





แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะตัวเลขหรือตัวหนังสือหากเป็นการเก็บค่ามากกว่าหนึ่งนั้นจะต้องใช้ c เพื่อการเก็บค่า เริ่มเห็นเคล้าลางกันแล้วใช่มั้ยคะ5555 ทีนี้อาจมีคนสังเกตุเห็นละว่าเวลาRunแล้วต้องมี" "ติดมาตลอดเลย แต่ว่า ฉันไม่อยากได้ มันไม่สวยไม่ชิคเลย ทำให้มันไม่ขึ้นมาไม่ได้หรอ?  คำตอบคือ ได้ค่ะ
โดยการใช้cat แล้วตามด้วยวงเล็บ( ) เจ้าเดิม







จะเห็นว่าcat นั้นสามารถใช้ " " หรือ ' ' ซึ่งถ้าไม่ใช้ก็ได้แต่Error

และแล้วด้วยความใจดีเลยมีของแถมที่ไม่มีสาระอะไรได้มาฝากค่ะ 5555555
คือการให้Run แล้วขึ้นบรรทัดใหม่เราสามารถใช้ \n ซึ่งเจ้านี่ก็เป็นเจ้าประจำในหลายๆภาษาอยู่แล้ว






ก็จะได้ออกมาหน้าตาแบบนี้...

อ่ะ แถมให้อีกหน่อยก่อนจากกันถือว่าอยู่ในหมวดตัวหนังสือ5555
บางคนที่เริ่มใช้ใหม่ๆ อาจต้องการความช่วยเหลือสำหรับการใช้ฟังก์ชัน ซึ่งทางโปรแกรมเขาก็มีให้ค่ะ โดยใช้โค้ดว่า help(functionname) และ example(functionname) จะใส่ฟังก์ชันsum ให้เป็นตัวอย่างนะคะ

 มันก็จะบอกข้อมูลต่างๆออกมาแบบนี้เลย

เป็นไงคะเริ่มเข้าใจวิธีการใช้งาน และภาษาR แล้วใช่มั้ยคะ เริ่มสนุกแล้วหล่ะสิ อิอิ เพราะงั้นจะขอคั่นความสนุกไว้เพียงแค่นี้แล้วเจอกันใหม่ในบล็อคหน้าค่ะ หมดเวลาสนุกแล้วววว บ๊ายบาย














Start R & Number

สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้งพร้อมกับน้องRตัวเดิม เพิ่มเติมคือการใช้งาน 55555 ถัดจากบล็อคก่อนหน้าที่เกริ่นว่าRคืออะไร วันนี้ก็นำความรู้เล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับRมาฝากกัน อย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือ จะเข้าโซนการใช้งานของมันกันค่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้ยืดยาว เริ่มเลยแล้วกัน ^0^

ท้าดาาา !! เมื่อเปิดมาหน้าตาของมันก็จะโล่งๆแบบนี้



ดังนั้นเมื่อเราจะเริ่มใช้งานมันอย่างแรก ให้สังเกตุที่บาร์ด้านบนจะมีรูปคล้ายแผ่นกระดาษและเครื่องหมาย+



หลังจากนั้นจะมีตัวเลือกการใช้งานออกมา ให้เราคลิกเลือก R Script / Ctrl+Shift+N



เราก็จะได้หน้าเปล่าสำหรับการลงโค้ดค่ะ และอย่างที่เคยว่าไว้ว่าโปรแกรมนี้ใช้เกี่ยวกับสถิติ และตัวเลข ดังนั้นจะขอเริ่มด้วยการใช้เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์เบื้องต้นเลยนะคะ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ โดยเราจะใช้เครื่องหมายตามนี้ค่ะ + (บวก), - (ลบ), * (คูณ) และ / (หาร) ก่อนอื่นลองพิมพ์ 1+1 แล้วกด Run / Ctrl+Enter จะได้ว่า






ต่อมาลองพิมพ์








แล้วRun ดูค่ะ มันจะได้ว่า





ซึ่งออกมาแค่ผลลัพธ์ของบรรทัดสุดท้าย อ่าว!แล้วทำไงอ่ะ ต้องพิมพ์ทีละบรรทัด แล้วกดRunทีละบรรทัดหรอ?  วิธีทำคือแค่ "คลุมดำบรรทัดที่ต้องการจะRun" ก็จะสามารถโชว์ผลลัพท์ทั้งหมดได้แล้ว







ต่อมาจะเพิ่มเครื่องหมายเท่ากับกันนะคะ แต่ว่าภาษาR จะใช้ <- แทน =




แล้ว ถ้าอยากได้ว่าในหนึ่งตัวแปรมีค่าได้มากกว่ามีค่าหละ ?  ให้ใช้ c ในการเก็บย่อมาจาก combine เช่นว่า x <- c(1, 2) หมายความว่าเก็บค่า 1และ2ไว้ในตัวแปร x แล้วถ้ามันมีหลายสมการ และอยากให้โชว์ผลลัพทท์ของทั้งหมดหละ? ใช้วิธีการเดียวกันเลยค่ะ จะได้ว่า




ต่อมาเมื่อใช้สัญลักษณ์คิดเลขแบบพื้นฐานได้แล้วก็เพิ่มระดับอีกสักนิดเป็นการ ยกกำลัง (^), modulo (%%), log, sqrt, pi, ln, exp จริงๆแล้วโปรแกรมนี้คือทำได้หมดเลยค่ะ 5555 จะให้ดูรูปแบบการใช้นะคะ




ก็จะได้มาในรูปแบบนี้  พอเข้าใจกันใช่มั้ยคะ(?) หลังจากเรียนรู้กับเครื่องหมายไปแล้วทีนี้มาที่ตรรกะกันดีกว่าค่ะ ตรรกะณที่นี้คืออะไร จะอธิบายอย่างง่ายให้นะคะ เช่น 1มากกว่า2 ตรรกะนี้ก็จะได้ว่า เป็นความจริง หรือ 2+3 = 9 ตรรกะคือ ไม่เป็นความจริง ซึ่งในภาษาR มากกว่า, น้อยกว่า , เป็นจริง, ไม่เป็นจริง จะใช้เป็น > , < , TRUE(T) , FALSE(F) ตามลำดับและเครื่องหมายเท่ากับจะใช้ == ส่วนถ้าไม่เท่ากันจะเพิ่ม ! เป็น != ได้ว่า










ตอนนี้ก็น่าจะจบกับเรื่องตัวเลขเรียบร้อย เย่ !!!!!!!!! คราวหน้าก็จะมาต่อกันกับตัวอักษรและข้อความกันนะคะ หวังว่าจะได้รับความรู้ใหม่ๆกันนะคะ แล้วถ้ามีข้อสงสัยหรือไม่เข้าหรือมีข้อติชมสามารถบอกกันได้เลยนะคะ วันนี้ก็ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ^^







วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

R Begin

สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆทุกคนค่า และแล้ววันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่จะเริ่มต้นเขียนบล็อคของตัวเองซะที เย่ !!ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าเจ้าของบล็อคเป็นเพียงนักศึกษาตัวดำๆ หากทำผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ...

ว่าแล้ว ก็เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า เรื่องมันมีอยู่ว่าแต้มบุญที่สะสมมาทำให้มีโอกาสได้ไปทำความรู้จักกับภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า "R language" หรือที่เขาเรียกกันว่า ภาษาอาร์ ซึ่งวันนี้ก็เลยจะมาบอกเล่าความดีงามของเจ้าตัวนี้กัน ภาษา R ที่ว่านี้ คือตัวที่ใช้สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงสถิติ และตัวเลข สามารถประมวลผลให้ออกมาอยู่ในรูปแบบของโมเดลต่างๆ เช่น กราฟเชิงเส้น และแผนภูมิ
ดังนั้นจึงนิยมใช้มากในหมู่นักสถิติ ที่สำคัญมันคือ ฟรีซอฟแวร์สามารถหาโหลดเองได้
ซึ่งส่วนตัวคิดว่าภาษานี้มีความจำเป็นมากพอสมควร และหลายๆธุรกิจอาจจำเป็นต้องใช้มัน เพราะงั้นหลายๆสายงานหากมีมันติดตัวไว้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆอย่างหนึ่งในชีวิต พูดอวยมาขนาดนี้แล้วคงต้องมีคนสนใจเจ้าตัวนี้บ้างแหละ(มั้ง?) แต่ก่อนที่จะไปต่อ ขอเบรคและพูดถึงข้อเสียของมันอย่างจริงใจก่อนเลยว่า เจ้าตัวนี้ใช้พื้นที่หน่วยความจำค่อนข้างมาก เพราะข้อมูลจะถูกบันทึกและจัดเก็บในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ อาจทำให้เครื่องทำงานช้าลงได้ แต่เดี๋ยวก่อน!! เรามีทางแก้ เพียงแค่เพิ่มแรมเข้าไปก็สามารถใช้งานมันได้อย่างสบายใจแล้ว  ว่าแล้วก็เอาหน้าตาของมันมาให้ดูสักหน่อยดีกว่า



หน้าตาของมันก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ.. ส่วนใครที่ไม่เคยเขียนโค้ดมาก่อนเห็นหน้าตาแบบนี้แล้วอาจจะ เอ๊ะ! มันคืออะไร ตรงไหนทำงานยังไง ก็จะอธิบายคร่าวๆให้นะคะ

[1] ส่วนของพื้นที่ว่างข้างบนนั้นใช้สำหรับเขียนโค้ดค่ะ ส่วนเลข 1 ตัวน้อยๆนั้นมันคือเลขบรรทัด ซึ่งบางคนอาจคิดว่ามันมีประโยชน์ยังไงนะ? เราก็จะยกตัวอย่างให้เช่นว่า ถ้าเราได้ทำโปรเจคกับเพื่อนแล้วต่อมาได้แชร์โค้ดกันในทีม แล้วเขาเล็งเห็นว่าตรงจุดนี้มันควรแก้นะ สมมุติว่าโค้ดนั้นมีอยู่ประมาน300บรรทัด หากไม่มีเลขบรรทัดกำกับไว้ ก็คงจะพูดกันยากน่าดูใช่มั้ยคะ5555 5

[2] เมื่อเราเขียนโค้ดเรียบร้อยก็อยากจะดูผลมันใช่มั้ยคะ ว่ารันออกมาเป็นยังไงส่วนนี้แหละค่ะที่จะแสดงผล หลังจากที่เรากดปุ่มRUNทางด้านบนขวาของช่องที่[1]

[3] ส่วนนี้มีหน้าที่หลายอย่างเลยค่ะ เราจะเรียงมันจากซ้ายไปขวาเลยเนาะ
       - Files: จะโชว์ไฟล์ต่างๆ
       - Plots: จะแสดงผลของกราฟหากโค้ดนั้นมีการใช้plotเพื่อแสดงผล แบบนี้...



       - Package: สำหรับโปรแกรมมันจะมีlibraryให้อยู่แล้ว แต่ถ้าหากต้องการมากกว่านั้นสามารถทำการinstallเพิ่มได้ ก็จะอยู่ในส่วนของUser library แต่ก็จะมีในกรณีที่ผู้ใช้บางคนเขียนโค้ดและกดRunแล้วเกิดERROR เพราะไม่ได้ทำการinstall packageตัวโปรแกรมมันจะมีpop-upเด้งขึ้นมาแจ้งเตือนเลยค่ะ ว่าต้องทำการโหลดpackageตัวนี้นะซึ่งสะดวกมากๆเลย
       - Help: ตัวนี้สำคัญเลยค่ะ ส่วนตัวแล้วใช้งานมันบ่อยๆ555 เมื่อเราพบปัญหา หรือมีข้อสงสัยอะไรเราสามารถหาคำตอบได้จากตรงนี้เลยค่ะ

[4] เป็นส่วนที่แสดงผลของค่าต่างๆที่เรากำหนดไว้ และสามารถเรียกดูย้อนหลังได้อีกด้วย


ตอนนี้ก็คงรู้จักเจ้าโปรแกรมนี้ไปคร่าวๆกันแล้วใช่มั้ยคะ คราวนี้มาถึงวิธีการโหลดเพื่อนำไปใช้งานกันมั่ง

1. พิมพ์ในgoogleว่า Download R studio หรือ จิ้มข้อความที่แนบมาให้ข้างๆนี้เลยค่ะ คลิกดาวน์โหลด แล้วเลือกโหลดตัวที่เหมาะสมกับคอมพิวเตอร์ของคุณๆได้เลยค่ะ
2. เมื่อดาวน์โหลด Rเสร็จแล้วก็ต่อด้วย R studio กันเลยค่ะ
3. ส่วนขั้นตอนการโหลดก็ไม่ยากเลยค่ะ เมื่อคลิกดาวน์โหลดแล้วกด ตกลงระบบก็จะทำการดาวน์โหลดเองเลยค่ะ
4. เมื่อระบบโหลดเสร็จแล้ว ก็ตามสเต็ปเลยค่ะ ขั้นตอนการติดตั้ง กด Next ต่อมามันจะขึ้นหน้าต่างให้เลือกที่เก็บไฟล์ค่ะ ก็เลือกตามใจชอบแล้วกดNextต่อ เพื่อให้ขึ้นหน้าต่างinstall แล้วกดเลยค่ะ รอจนมันขึ้นว่า Finish เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ซึ่งมันจะได้ 2ตัวนี้มา

                
                                                         



ตัวที่เราจะทำการใช้งาน คือตัวทางขวามือนะคะ ลองเข้าไปเล่นดูกันได้เลย GO Go
ตอนนี้พอจะรู้จักเจ้าR กันมากขึ้นรึป่าวคะ? หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่พัดหลงเข้ามาอ่านไม่มากก็น้อยนะคะ ด้วยความที่เป็นมีใหม่หัดเขียนบล็อคนี้อาจผิดพลาดไปบ้างขออภัยด้วยนะคะ และสัญญาว่าในบล็อคต่อๆไปจะปรับปรุงบทความให้ดีขึ้น วันนี้ไปก่อนละค่า แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะคะ^^